ข้อมูลในการเขียนเรื่อง.... ใครคิดว่าไม่สำคัญ - ข้อมูลในการเขียนเรื่อง.... ใครคิดว่าไม่สำคัญ นิยาย ข้อมูลในการเขียนเรื่อง.... ใครคิดว่าไม่สำคัญ : Dek-D.com - Writer

    ข้อมูลในการเขียนเรื่อง.... ใครคิดว่าไม่สำคัญ

    ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งต่างๆในเรื่อง นักเขียนหลายคนอาจจะมองข้ามมันไป.... แต่หารู้ไม่ว่า ท่านได้ทำความผิดพลาดอย่างมหันต์ลงไปเสียแล้ว !!!

    ผู้เข้าชมรวม

    6,152

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    6.15K

    ความคิดเห็น


    70

    คนติดตาม


    31
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 ธ.ค. 51 / 01:46 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                "คนอ่านเขาไม่คิดมากหรอกเรื่องข้อมูลของเรื่องน่ะ  จะหาข้อมูลอะไรเยอะแยะขนาดนั้น....."
                ผมจำคำพูดนี้ได้ดี น้องสาวของผมพูดกับผมตอนที่พวกเราไปขี่จักรยานกันที่สวนสาธารณะของหมู่บ้านในเย็นที่แดดร่มลมตกวันหนึ่งในช่วงปิดเทอม

                อันว่ากระผมก็เป็นเพียงนักเขียนเรื่องบนอินเตอร์เน็ตธรรมดาคนหนึ่ง แถมเรื่องก็ยังไม่ติดอันดับหนึ่งในสิบคนเข้าชมมากที่สุดของหมวดอีก มันก็คงเป็นเรื่องแปลกสักเล็กน้อยที่จะมาเขียนบทความทำนองนี้ให้นักเขียนคนอื่นได้อ่านกัน

                แต่จากประสบการณ์ที่ผมได้อ่านเรื่องมาหลายเรื่อง ทั้งจากที่คนมาแปะแหมะเข้าในเรื่องของผม จากที่รับฝากเรื่องในบอร์ด หรือแม้แต่เรื่องของน้องผมและเพื่อนน้องผม รวมทั้งการที่ท่านเว็บมาสเตอร์โน้ตลงกระทู้ไว้ในบอร์ดว่าอยากได้กลเม็ดเคล็ดลับ ผมจึงตัดสินใจเขียนบทความนี้ขึ้นมา

                สิ่งที่ผมไม่พอใจในเรื่องหลายๆเรื่อง ก็คือ "การหาข้อมูล" ของเนื้อเรื่อง ซึ่งนักเขียนหลายคน.... โดยเฉพาะนักเขียนมือใหม่ละเลยไปมาก 
      แต่หารู้ไม่ว่านั่นแหละคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรื่องของท่านไม่มีคนอ่าน.....

               
      เอาละ กินเนื้อที่เซิร์ฟเวอร์มาเยอะมากแล้ว งั้นผมขอเริ่มเลยก็แล้วกันนะครับ


               
      "เมื่อสาวน้อยผมน้ำตาลขึ้นไปบนเครื่องบินแล้ว แอร์โฮสเตสสาวก็เข็นรถเครื่องดื่มมาบริการ เธอกำลังจะรับแก้วมาจากแอร์สาวคนสวยก็พอดีมีหนุ่มหล่อมาดเข้มวิ่งอย่างรีบร้อนมาชนเข้าจนน้ำส้มหากราดเสื้อขาวเป็นวงใหญ่"
               
      "เครื่องบินค่อยๆเร่งเครื่องเร็วขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า แอร์โฮสเตสและสจ๊วตยืนหน้าจอโทรทัศน์จอใหญ่สอนวิธีการใช้ชูชีพและหน้ากากออกซิเจน สาวน้อยมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงไฟจากอาคารเบื้องล่างช่วยนำทางให้นักบิน....."

                ดูๆไปก็เหมือนย่อหน้าหนึ่งของเรื่องธรรมดา แต่เห็นอะไรประหลาดๆบ้างไหมครับ ?


                คนที่ยังไม่เคยขึ้นเครื่องบิน หรือขึ้นไปแล้วก็หลับปุ๋ยทันทีอาจจะมองไม่ออก แต่คนที่เคยขึ้นเครื่องบินหรือมีความรู้ด้านนี้เป็นอย่างดีจะสังเกตได้ทันที

                คุณขึ้นเครื่องไป เขายังไม่เสิร์ฟน้ำหรอกครับ ต้องรอจนเครื่องไต่ไปเหนือ 10,
      000 ฟุต หรือว่าใกล้ถึงระดับเพดานบินที่กัปตันเขาลดอัตราการไต่ระดับและดับสัญญาณรัดเข็มขัดนั่นแหละครับ.....
               
      แอร์กับสจ๊วตเขาสอนวิธีการใช้ชูชีพคุณตั้งแต่แท็กซีอยู่ในสนามบินแล้วครับ ไม่งั้นสมมุติเครื่องหลุดรันเวย์ลงไปตกน้ำป๋อมแป๋มหรือไฟไหม้ขึ้นมาได้ตายกันยกลำ อีกอย่าง ตอนเครื่องขึ้นน่ะถึงจะเป็นแอร์กับสจ๊วตก็เถอะ แต่ถ้าไม่รัดเข็มขัดอยู่กับที่นั่งน่ะกลิ้งเอาได้ง่ายๆนะครับ.....
               
      แสงไฟจากอาคารข้างล่างน่ะมองไม่ออกหรอกครับ ยกเว้นเป็นอาคารที่เด่นจริงๆ เช่นตึกช้าง หรือใบหยกของเรา แต่ขึ้นไปเกิน 3000-4000 ฟุตก็แยกแทบไม่ออกแล้วครับ

               
      ถ้าคุณคิดจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับความรักของแอร์โฮสเตสสาวกับหนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อที่หวานเจี๊ยบเสียจนอินซูลินรับไม่ได้ละก็ คุณก็ควรจะไปหาข้อมูลเกี่ยวกับการบินมาให้ดีเสียก่อน

               
      เช่นเดียวกัน หากคุณคิดจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับนักชีววิทยาหนุ่มกับนักเคมีสาว คุณก็ควรจะไปหาข้อมูลเรื่องนั้นๆมาให้ดี หรือจะเขียนเรื่องทหารหนุ่มสมัยโกโบริกับอังศุมาลินละก็ คุณก็มีการบ้านเยอะหน่อย.... ทั้งเครื่องแต่งกาย อาวุธ คำพูดในสมัยนั้น และสถานการณ์หรือเหตุการณ์บ้านเมืองในสมัยนั้นด้วย

                ไม่เพียงข้อมูลเฉพาะด้านเท่านั้น หน่วยเงินตรา ภูมิอากาศและภูมิประเทศในถิ่นนั้น ลักษณะของคน สัตว์ พืช เทศกาล สภาพสังคม การแต่งกาย หรือแม้กระทั่งวันที่ 
      โดยเฉพาะเรื่องที่ย้อนยุคทั้งหลาย หากคุณไม่หาข้อมูลมาดีๆละก็ เรื่องของคุณอาจเป็นเรื่อง "มั่วนิ่มๆ" เอาได้ง่ายๆ

                ดำเนินเรื่องอยู่ในประเทศเยอรมนี 
      แต่หน่วยเงินตราเป็นดอยช์มาร์กไปเสียอย่างนั้น (เขาเปลี่ยนเป็นยูโรไปตั้งนานแล้วป้า.....) มีต้นซากุระ แถมมีชายหาดขาวติดทะเลเมดิเตอเรเนียนเสียด้วย (เขาติดอยู่ด้านเดียวทางเหนือ..... ติดทะเลบอลติกและทะเลเหนือ)
                สงครามโลกครั้งที่หนึ่งมีธงนาซีปักอยู่บนรถถัง !?
      (ฮิตเลอร์ยังเป็นตัวอนาถอยู่แถวไหนไม่ทราบของจักรวรรดิเยอรมันที่สามอยู่เลย)
                วันคล้ายวันเกิดพระเอกวันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม 2549 
      ทุกคนร่วมกันฉลองยิ่งใหญ่ แต่เอาเข้าจริงมันกลายเป็นวันอังคาร......

               
      บางคนอาจจะพูดเหมือนน้องผม "คนอ่านเขาไม่ใส่ใจหรอก"
               
      จริงครับ คนอ่านหลายคนอาจจะมองข้าม แต่คุณลองนึกไปถึงเวลาคุณส่งสำนักพิมพ์แล้วออกมาสู่สายตาประชาชีสิ..... แน่นอน ต้องมีคนอ่านอย่างน้อยก็คนหนึ่งที่อ่านแล้วก็ "เอ๊ะ.... นี่มันอะไรหว่า" หรือยิ่งกว่านั้น หากสำนักพิมพ์ที่คุณส่งไปคนพิจารณาเรื่องเกิดผิดสังเกตขึ้นมา เรื่องของคุณอาจจะแป้กก็ได้

                "
      อ้าว แล้วถ้าไม่ได้ส่งไปสำนักพิมพ์ล่ะ จะเขียนลงเว็บเท่านั้น ไม่เดือดร้อนนี่ คนก็เข้ามาอ่าน"
                
      ข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตน่ะไม่ใช่ว่าจะหายากเลยนะครับ เดี๋ยวนี้น่ะมีสารานุกรมออนไลน์หลายเว็บ เอาง่ายๆก็วิกิพีเดียนั่นไง ซึ่งถึงแม้ว่าหาข้อมูลไปอาจจะไม่ได้อะไร คนอ่านก็ไม่ได้เยอะขึ้น กลับเขียนได้ลำบากมากขึ้นเสียอีก แต่คุณก็ได้ความรู้ใหม่ใช่ไหมครับ......

                เดี๋ยวๆ นักเขียนแฟนตาซีอย่างเพิ่งโวยวาย ผมรู้ว่าแฟนตาซีมันแปลว่าจินตนาการเพ้อฝัน จริงอยู่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้ามีปาปริก้า.... เอ้ย ถ้าอยู่ในโลกแฟนตาซี แต่หากคุณเขียนให้ดำเนินเรื่องในโลกจริง (หรือที่ผมเรียกของผมเองเผื่อไปคุยกับคนพูดไทยคำอังกฤษคำได้ว่า Base on real world) คุณก็จำเป็นต้องหาด้วยเหมือนกัน แล้วค่อยดัดแปลงพื้นที่ในการดำเนินเรื่องให้เป็นอย่างที่ใจคุณคิด

               
      ถึงแม้ว่าเรื่องจะเป็นแนวแฟนตาซี แต่มันก็ต้องมีเค้าโครงของความจริงอยู่บ้างเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเรื่องเกิดที่อังกฤษแต่โรงเรียนกลับติดมหาสมุทรแปซิฟิก อันนี้มันก็จินตนาการเลยเถิดไปเหมือนกันนะครับ

                แต่ส่วนนักเขียนแฟนตาซีที่สร้างโลกหรือดินแดนขึ้นมาใหม่เอง ความหมายของ "ข้อมูล" จะเปลี่ยนไปทันที ในกรณีนี้คุณจำเป็นต้องทำรายการข้อมูลออกมาให้หมด ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ เงินตรา อาหารสภาพการแต่งกาย สังคม หน้าตาของคนในเขตนั้นๆเป็นเช่นไร อาวุธ อานุภาพหรือลักษณะของเวทมนตร์ 
      เทศกาล ประเพณี รวมทั้งภาษาและระบบวันเดือนปี ถ้าคิดภาษาใหม่เองก็ต้องดูด้วยว่าชื่อในภาษานั้นๆจะตั้งว่าอะไร (เหมือนลอร์ดออฟเตอะริง) และสำเนียงการพูดรวมทั้งภาษาถิ่นต่างๆ หากจะเขียนเรื่องลงรายละเอียดก็ต้องคำนึงถึงด้วย

                กระดาษที่เขียนสิ่งเหล่านี้ให้เก็บมันไว้ในที่ที่ปลอดภัยที่สุด และใช้ให้คงที่ตลอดทั้งเรื่อง หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงข้อมูลเหล่านี้ให้มากที่สุด และห้ามมั่วเด็ดขาดไม่ว่าคุณจะตันเพราะข้อมูลนั้นหรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม  
      เรื่องจึงจะมีเอกลักษณ์และน่าติดตามอ่าน รวมทั้งเป็นการฝึกการทำงานอย่างเป็นระบบไว้ใช้ในชีวิตประจำวันด้วย

                เอาละ.... ก็ขอจบบทความนี้เอาไว้เพียงเท่านี้ และหวังว่าคงจะช่วยให้ใครหลายๆคนแต่งเรื่องได้ดีขึ้น และมีคนอ่านมากขึ้นนะครับ ขอให้โชคดีครับ.....


      (หมายเหตุ ขอบคุณคุณ Viva OH ครับที่ช่วยแก้เรื่องฮิตเลอร์ ผมเองหลังจากกลับมาจาก AFS เยอรมันก็พอจะรู้มาเหมือนกันว่าสงครามโลกครั้งที่หนึ่งนั้นฮิตเลอร์ไม่ได้เด็กอย่างที่เขียน แต่แล้วก็ดันไม่ได้แก้....)

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×